เจาะลึกความหมายของกฎทอง 15 ข้อ (ตอนจบ) | นิตยสารอะชีฟ ฉบับพฤศจิกายน 2565

การสร้างธุรกิจแอมเวย์เริ่มต้นจากการสปอนเซอร์และการแนะนำผลิตภัณฑ์ มีคำพูดที่นักธุรกิจแอมเวย์นำมาแบ่งปันกันคือ จงมอบโอกาสทางธุรกิจและผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพให้กับคนที่คุณรัก ดังนั้น จึงควรเริ่มต้นธุรกิจจากสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพราะแผนธุรกิจของแอมเวย์นั้นเป็นสิ่งที่ต้องอธิบายให้มุ่งหวังทราบและเข้าใจก่อนจะสมัครทำธุรกิจ ทั้งนี้ รวมถึงการเปิดโอกาสทางธุรกิจกับคนแปลกหน้าโดยไม่บอกว่า นี่คือธุรกิจแอมเวย์ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านี้ ผลิตภัณฑ์แอมเวย์เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มีสูตรเข้มข้น ทั้งยังรับประกันความพอใจ ดังนั้น การสาธิตและการให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้บริโภคจึงเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยเหตุนี้ การขายแบบเคาะประตูบ้านจึงเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถูกต้องตามแนวคิดและหลักการของธุรกิจแอมเวย์ อีกทั้งยังเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของธุรกิจด้วย

ดังที่เขียนไว้ในตอนแรกว่า ปณิธานของสองผู้สถาปนาแอมเวย์มีความมุ่งหวังที่จะสร้างธุรกิจนี้ให้เป็นโอกาสสำหรับทุกคน ให้ทุกคนสามารถแข่งขันได้ในโลกธุรกิจ ซึ่งหากแอมเวย์ยอมให้มีการวางขายหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านร้านค้าปลีกแล้ว การแข่งขันที่เท่าเทียมกันจะหมดไป โอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจก็จะตกอยู่ในมือของบุคคลบางกลุ่มเช่นเดียวกับโลกธุรกิจในปัจจุบัน ต่อไปโอกาสของคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตก็จะเหลือน้อยลง หรือต้องทำงานหนักขึ้นอีกหลายเท่า ดังนั้น แอมเวย์จึงได้กำหนดบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับการจำหน่ายหรือตั้งวางผลิตภัณฑ์ในร้านค้าปลีกถึงขั้นตัดสิทธิ์การเป็นนักธุรกิจแอมเวย์ และจะไม่สามารถกลับมาสมัครเป็นนักธุรกิจแอมเวย์ได้อีก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม ความผิดดังกล่าวแม้จะไม่มีการตั้งโชว์ผลิตภัณฑ์ แต่หากนักธุรกิจแอมเวย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ดาวน์ไลน์ของตนผ่านร้านค้าปลีก ก็ถือเป็นความผิดและมีบทลงโทษเท่ากับการตั้งโชว์ผลิตภัณฑ์ทุกประการ

หากอยากให้ผู้อื่นปฏิบัติกับเราอย่างไร จงปฏิบัติเช่นนั้นกับเขาเสียก่อน ดังนั้น หากเราอยากให้ผู้อื่นเคารพสิทธิ์ของเรา เราก็ต้องเคารพสิทธิ์ของเขาเช่นเดียวกัน ในการนำเสนอและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลังจากที่เราสาธิตและนำเสนอผลิตภัณฑ์เสร็จแล้ว ก็ควรปล่อยให้อำนาจการตัดสินใจอยู่ในดุลยพินิจของผู้ซื้อ อย่าใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อปิดการขาย หรือเพื่อให้ลูกค้ายอมซื้อสินค้าโดยไม่เต็มใจ เพราะนอกจากจะทำลายภาพลักษณ์ของธุรกิจแล้ว ลูกค้าหรือผู้บริโภคก็สามารถนำสินค้ามาคืนในภายหลังได้อยู่ดี อีกทั้งลูกค้าหรือผู้บริโภคยังได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติขายตรงและการตลาดแบบตรงรวมถึงพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคอีกด้วย

แอมเวย์มีความพยายามอย่างยิ่งที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายในการสร้างธุรกิจของนักธุรกิจแอมเวย์ทุกคน เพื่อให้ผู้ที่มีทุนหรือรายได้น้อยสามารถสร้างธุรกิจของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่สุดในการสร้างกิจการก็คือ การลงทุนเพื่อสินค้าคงคลัง ด้วยเหตุนี้ แอมเวย์จึงเป็นผู้แบกภาระดังกล่าวให้ เพียงนักธุรกิจแอมเวย์ไปนำเสนอผลิตภัณฑ์และเมื่อลูกค้าตกลงใจซื้อแล้ว ก็ทำหน้าที่นำสินค้าที่แอมเวย์รับผิดชอบบริหารแทนท่านอยู่แล้วนั้นไปส่งมอบให้แก่ลูกค้า ดังนั้น บริษัทจึงมีกฎ 70% ขึ้น เพื่อมิให้นักธุรกิจแอมเวย์กักตุนสินค้า ซึ่งบางครั้งการกักตุนอาจเกิดจากความกลัวว่าผลิตภัณฑ์จะหมดหรือมีความมั่นใจว่าสามารถจำหน่ายได้แน่ๆ ซึ่งนอกจากจะต้องเสี่ยงกับการคาดเดาอนาคตแล้ว ยังเป็นการปิดกั้นโอกาสของผู้อื่นอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีความเสี่ยงเรื่องภาระค่าผลิตภัณฑ์ที่ตนเองแบกรับ ทั้งนี้ เหตุผลในการกักตุนผลิตภัณฑ์อาจเพื่อสร้างคุณสมบัติหรือเพื่อการสัมมนา แต่ปัญหาตามมาที่บางท่านอาจคาดไม่ถึงคือภาระหนี้สิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในการทำธุรกิจแอมเวย์เลย หากบริษัทตรวจสอบพบว่า การดำเนินธุรกิจของท่านไม่ได้ดำเนินไปตามแนวคิดและปรัชญาของธุรกิจ นักธุรกิจแอมเวย์ท่านนั้นๆ อาจถูกปฏิเสธการเข้าร่วมสัมมนาหรือการประกาศเกียรติคุณได้

เครื่องหมายการค้าหรือแบรนด์เป็นสิ่งที่แอมเวย์ให้ความสำคัญ เพื่อให้เป็นแบรนด์ที่ทรงพลังทั้งด้านคุณภาพและภาพลักษณ์ หากเครื่องหมายการค้าแอมเวย์ถูกนำไปใช้โดยไม่มีการควบคุมจนเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจแล้วนั้นอาจจะเป็นผลเสียที่ยิ่งใหญ่และส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทและนักธุรกิจแอมเวย์ทุกคนอย่างแน่นอน ดังนั้น การที่บริษัทไม่อนุญาตให้นักธุรกิจแอมเวย์นำเครื่องหมายการค้าของแอมเวย์ไปใช้แม้แต่บนนามบัตรก่อนได้รับอนุญาต จึงเป็นกระบวนการเพื่อปกป้องนักธุรกิจแอมเวย์ทุกคนนั่นเอง